หน้าแรกKDMตั้งใจพาลูกไปเล่นหิมะ กับเคาท์ดาวน์ที่เกาหลี ! #แบนเกาหลี (ลูกเราพึ่ง1ขวบ2เดือน) จองตั๋วบินไป 6หมื่นกว่า( การบินไทย ) ไปกลับ จองโรงแรมไป 2หมื่นกว่า (L7 Hongdae) 3 คืน ไปหาซื้อเสื้อผ้ากันหิมะ อีก 4-5 หมื่น ตั้งใจไปเที่ยวสุดๆ ก่อนไป ลง Keta เรียบร้อย อนุมัติก่อน 24 ชั่วโมงอีก เราก็มั่นใจเลย ผ่านแน่ และที่ตั้งใจไปเกาหลี เพราะเราเคยบินเข้าออก10 รอบได้ วันก่อนบิน ให้ลูกนอน และตื่นมา6 โมง ไปสนามบิน ทำตามที่เราคิดไว้ ไปเช็คอินขอที่นั่งที่กว้างเพราะเรามีเด็ก เช็คอินเข้าไปข้างใน พยายามให้ลูกเล่น ไม่ให้นอน ไม่มีข้าวให้ลูกนั่งกิน ก็พาลูกไปกิน subway แทน เครื่องเราบิน 23:10 เราก็รอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย เพราะขึ้นเครื่องปุ๊บลูกจะได้กินนม ตอนเครื่องแลนขึ้น ลูกจะได้ไม่หูอื้อ และพกขนมไปให้ลูก สรุปลูกกินขนมทั้งทาง ไม่หลับ เพราะตื่นเต้นสุดๆ พึ่งจะมาหลับได้ ก่อนเครื่องลง แค่2-3 ชั่วโมง พอเครื่องแลนลง เราก็ยืนรอรถเข็น หน้าเครื่อง ได้รถเข็น เราก็ พาลูกไปเปลี่ยนแพมเพิส พร้อมแล้วเราก็เดินไป ช่อง ตม. เป็นช่องที่อยู่ขวาสุด เข้าทั้งครอบครัว พอสแกนนิ้วมือถ่ายรูป มันให้อ๊อฟกับลูก ออกไปข้างนอกได้ เรียกคนมารับเราเข้าไปในห้อง เราก็งงเลย ก็ไม่เป็นไร เข้าไปตามที่เขาบอก พอเขาไป มันถาม มาทำไร มาเที่ยวพาลูกสามีมาเคาท์ดาวน์ เราก็คิดว่าจะจบ เหี้ยไร ปรินๆๆๆๆเอกสาร มาเพียบ ให้กูกรอก ว่าอนุญาติสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย ตอนนั่น เวลา ประมาณ 07:10 ได้ แล้ว ลูก กับผัว รออยู่หน้าประตู ข้างนอก รอมันมาเรียก สัมภาษณ์ 08:00 กว่าๆ ให้คุยแบบโทรสัพ มีคนไทยแปลอยู่ในสาย เราก็บอกตามความจริงทุกอย่าง มาถามย้อนกลับไปครั้งสุดท้ายที่มา เราก็บอกหมด ไปเที่ยว ไหนๆๆ ทำอะไร แต่ให้จำขนาดนั่นกูจำไม่ได้ บินครั้งสุดท้าย 4-5 ปีที่แล้ว ตอบเสร็จมันบอกกุให้ความเท็จ ให้เซ็นใบไม่อนุญาติเข้าประเทศ เหี้ยไร พอกูกดพิมแปลไทยเป็นเกาหลี ให้มันอ่านมัน no no no ไล่กุ อย่างเดียว ((ตอนนั่นเราไม่ โอเคสุด เพราะ ลูกเราบินมาหลายชั่วโมง ไม่ได้นอนดีๆ ไม่ได้กินข้าว ไม่ได้อาบน้ำ แล้วลูกต้องมานั่งรอกูอยู่ ข้างนอก )) แทนทีจะได้นั่งรถไฟ ไป โรงแรม หาข้าวกินกัน อาบน้ำ พักผ่อน และได้ไปเที่ยว นี้ อะไร !!! เอากูมาขังไว้ในห้อง คนเป็น 30-40 คน กุก็ไม่ยอม ถ้าไม่ให้กุเข้าประเทศมึง กุก็จะกลับบ้านพร้อมผัวกับลูก กุ ยังไงกุก็จะกลับด้วยกัน มึงบ้าป่าว ให้ลูกไปเที่ยวไม่มีแม่ ให้ผัวกูไปเที่ยวแบบไม่มีเมีย แล้ว พาสปอร์ตลูก ก็อยู่กับกุ เงินทั้งหมด อยู่กับกู สรุปมันไม่ให้กู เข้าประเทศ ให้เรารอในห้องนั่นพักใหญ่ มันบอกจะมีเจ้าหน้าที่สายการบินมารับ(เด็กฝึกงาน) ก็มารับ แล้วกูก็พิมแปลอธิบาย ว่าผัวกับลูกรอเราอยู่ข้างใน หน้าประตูนี้ ไปรับพวกเขาเดี๋ยวนี้ !!! ยังไงฉันก็จะกลับพร้อมลูกกับสามี มันก็ทำมึนๆ ไม่ฟัง กูก็โวยวายไม่ยอม ๆๆๆ มันก็พาเดินไป ตรงGate เครื่องบิน กุก็ยังไม่ยอม กดให้มันอ่านกูต้องการ เอาผัวกับลูกกลับด้วย ไม่กลับคนเดียว!! แล้วกุซื้อตั๋วการบินไทย ไปกลับไว้แล้ว ยังไง มึงต้องทำเรื่องให้ผัวกับลูกกุ เกินไปอธิบาย อีผญ ที่อยู่ หน้าเคสท์เตอร์ มันไม่ฟัง มันตะคอก ใส่กูก็ไม่ยอม ตะคอกใส่เหมือนกัน จนเด็ก ฝึกงาน มันเดินมาบอก นี้ไม่ใช่ผู้จัดการ เราก็ถามเลย คนไหน ผู้จัดการคุณ จนเจอ เราก็แปลให้อ่าน ฉันต้องการ เอาสามีและลูกของฉันกลับด้วยกัน ตอนนี้ลูกของฉันและสามีรออยู่ ข้างนอก เราก็วีดิโอคอล กับอ๊อฟ ให้เขาดูว่าอ๊อฟอยู่ตรงไหน จนดีหน่อย ผู้จัดการสายการบินคนนี้มันรับฟังเรา และเป็นคนเดียว ที่รับฟังเรา ช่วยประสานงานให้เรา ได้เจอกับลูกและผัว พอคุยรู่เรื่อง มันบอกให้อ๊อฟกับลูก 14:30 ให้ไปเช็คอินที่ H35 ตอนนี้ มันนำตัวเราไปที่ห้องชั้นใต้ดิน พาสปอร์ตยึดไว้ ไม่ให้คืน จะไปซื้อที่ชาจแบตก็ไม่ได้ ต้องใช้ตั๋วกับพาส ( ในใจกู งงมากที่ไม่ให้กูเข้าไปเที่ยว เพราะกูมาเที่ยวจริงๆ และลูกกูแค่ 1 ขวบ มึงแยก กูกับลูก และที่สำคัญ อ๊อฟไม่มีเงิน เลยที่ตัว บัตรรูดก็อยู่ที่กูหมด แล้วลูกกูไม่ได้กินข้าว ไม่ได้นอน ไม่ได้อาบน้ำ ต้องนอนในรถเข็นทั้งๆ ที่บินมาหลายชั่วโมง ) ทำกับกูเหมือนกับนักโทษ เหมือนกูทำอะไรผิด ควบคุมตัวทุกอย่าง ใจร้ายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในห้องนั่นมี 30คนได้ แยกชายหญิง มันให้เราถือใบเอ4 ใบนึงคือหน้าพาสปอร์ตถ่ายเอกสาร มันให้เอาไปแลกข้าวกิน ซึ้งเราวินาทีนั่น กินอะไรไม่ลง เราก็ไม่เอา มันก็เดินมาตะคอก ใส่ ให้เอาไปแลกข้าว กุก็ตะคอกกลับ ไม่กิน พอไม่กิน ก็มีคนมากวาด ทิ้งไป แล้วมีพี่ๆ ที่อยู่ในนั่นแนะนำ ให้เขียนใบอุทธรณ์ เราก็เขียนไป ตามความจริง เอาใบไปส่ง ก็งง ไม่รู้มันจะอ่านหรือเอาไปทำอะไร เพราะไฟท์บินกลับ ได้กลับ 17:30 จนเดินเข้ามาถามคนที่ให้เขียน เขาบอกว่า จะรู้ผลพรุ่งนี้เช้า ???? คืออะไร จนถึงเวลา 14:30 สามีและลูกเรา ไปเช็คอินที่้เคาท์เตอร์ ปรากฏอ๊อฟโทรมา บอกเช็คอินไม่ได้ เพราะเมคัดค้านการกลับประเทศไทยวันนี้ !! กูก็งงอีก อะไร กูได้ไฟท์บินแล้ว ผู้จัดการคุยให้แล้วนี้ เราก็ไม่ยอม เดินไปหน้าห้อง กดแปลภาษาให้เจ้าหน้าที่อ่าน มัน ไม่สนใจดู และตะคอกใส่ว่าNo No no ไอ้เหี้ยอ้วน!! เราก็ไม่ฟังมัน เดินออกไปเลย ไปหน้าห้องหัวหน้ามัน กูก็กดแปล บอกทำไมลูกกับผัวกู เช็คอินไม่ได้ มันก็ถามคุณต้องการกลับประเทศ ไทยใช่ไหม กูบอกใช่!! และแปลให้มันอ่าน พร้อมลูกและสามี! เท่านั่น หัวหน้ามันก็ok ให้ใบถอนคำอุทธรณ์กูมาเซ็น แล้วระหว่างนั่น เราก็วีดิโอคอล คุยกับอ๊อฟ ตลอด อ๊ิอฟบอกอีเคาท์เตอร์ฟังอ๊อฟ ไม่ฟัง ไม่คุย เหี้ยไรทั้งนั่น กูก็เลยบอก ให้ ยูท๊อกกิ้งกังเคาท์เตอร์ ให้ฉันและสามีเลย พออีเคาท์เตอร์ มันได้ยินเสียงไอ้หัวหน้านี้ มันรีบคุยทันที (คิดดู ถ้าแบตโทรสัพหมด ไม่ไปขอเขาชาจ ทีละนิดละหน่อย กุกับผัวและลูกจะทำยังไง) ฝั่งอ๊อฟ ดำเนินการเสร็จ มาที่ฟังเรา เราต้องนั่นนอในห้องนั่น กับคน 30-40 คน แยกชาย1 ห้องหญิง1 ห้อง รอจน 16:00 หัวหน้าการบิน มารับ เขาก็ให้บอกสามีและลูก ไปเจอกันที่ Gate33 กุรีบวิ่งสุดๆ คิดถึงลูกกับอ๊อฟมาก เราพาลูกมาเจออะไร เราตั้งใจมาเที่ยว พาลูกมาเล่นหิมะ มาเคาท์ดาวน์ ให้เป็นความทรงจำที่ดี พอได้เจอกัน นั่งรอขึ้นเครื่อง เชื่อมั้ยพาสปอร์ตก็ไม่ได้คืน ควบคุมตัวกู เหมือนนักโทษ จนขึ่นเครื่อง ตอนนี้เอาลูกมาอยู่ด้วยแล้ว เจอกับอ๊อฟแล้ว ขึ้นเครื่องเราโดนนั่งหลังสุด ที่แคบ ไม่สามารถเลือกอะไรได้ จนมาถึงประเทศไทย เขาก็ให้เราออกคนสุดท้าย ควบคุมตัวเราลงอีกทาง ขึ้นรถตู้ ไปทำประวัติเข้าประเทศ ชั้นใต้ดิน และพาเดินวน มาทางออก รับกระเป๋า กลับบ้าน (( ตอนนั้นที่มันไม่ให้เขาประเทศ เราคุยเจรจา กับสายการบินด้วย ว่าจะจ่ายไปเที่ยวญี่ปุ่นแทน ไม่กลับไทย เพราะในใจเราคิดคือลูกเรานั่งเครื่องมา หลายชั่วโมงแล้ว นั่งไปอีก 2ชั่วโมง50 นาทีก็ไปถึงญี่ปุ่น เราพร้อมจ่าย เท่าไหร่ มันบอกไม่ได้ ต้องกลับไทยเท่านั่น)) *** #บอกตรงๆเสียความรู้สึกหนักอกจุกอกโกรธแค้นสุดๆกับประเทศเกาหลี #ไปหลายครั้งผ่านตลอดครั้งนี้ไปกับลูกเล็กไม่ให้ผ่านและครอบครัวเราต้องมาเจออะไรแบบนี้เลวร้ายมาก #ไม่สามารถให้อภัยได้ #แบนเกาหลี ตลอดชีวิตจนตาย #ต่อไปนี้สินค้าอะไรที่มาจากเกาหลีเลิกซื้อ #คนเกาหลีเข้ามาที่นี้ไม่สนใจและไม่ให้ค่า #อาหารเกาหลีที่ว่าดีเลิกกินและบริโภค #ศิลปินที่ชื่นชอบหนังและซีรีย์เลิกเสพ #สินค้าเด็กและที่เคยซื้อใช้ทั้งบ้านเลิกซื้อ ทำกับเราครั้งนี้ เราไม่โอเคสุดๆ ทำร้ายจิตใจและความตั้งใจเรามากที่สุด เรายังถามกับตัวเองว่า เรื่องอะไรที่ต้องมาอยู่จุดๆนี้ กูทำผิดอะไร กูแค่จะพาลูกกุ1 ขวบไปสร้างประสบการณ์ดีๆ ความทรงจำดีๆ และยอมเสียเงินแพงกว่าปกติด้วย #เสียงร้องของลูกที่มันร้องหาแล้วแค่เดินผลักประตู้ออกไปแล้วก็ได้กอดกับลูกแล้วอะ ตั้งใจพาลูกไปเล่นหิมะ กับเคาท์ดาวน์ที่เกาหลี ! #แบนเกาหลี (ลูกเราพึ่ง1ขวบ2เดือน) จองตั๋วบินไป 6หมื่นกว่า( การบินไทย ) ไปกลับ จองโรงแรมไป 2หมื่นกว่า (L7 Hongdae) 3 คืน ไปหาซื้อเสื้อผ้ากันหิมะ อีก 4-5 หมื่น ตั้งใจไปเที่ยวสุดๆ ก่อนไป ลง Keta เรียบร้อย อนุมัติก่อน 24 ชั่วโมงอีก เราก็มั่นใจเลย ผ่านแน่ และที่ตั้งใจไปเกาหลี เพราะเราเคยบินเข้าออก10 รอบได้ วันก่อนบิน ให้ลูกนอน และตื่นมา6 โมง ไปสนามบิน ทำตามที่เราคิดไว้ ไปเช็คอินขอที่นั่งที่กว้างเพราะเรามีเด็ก เช็คอินเข้าไปข้างใน พยายามให้ลูกเล่น ไม่ให้นอน ไม่มีข้าวให้ลูกนั่งกิน ก็พาลูกไปกิน subway แทน เครื่องเราบิน 23:10 เราก็รอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย เพราะขึ้นเครื่องปุ๊บลูกจะได้กินนม ตอนเครื่องแลนขึ้น ลูกจะได้ไม่หูอื้อ และพกขนมไปให้ลูก สรุปลูกกินขนมทั้งทาง ไม่หลับ เพราะตื่นเต้นสุดๆ พึ่งจะมาหลับได้ ก่อนเครื่องลง แค่2-3 ชั่วโมง พอเครื่องแลนลง เราก็ยืนรอรถเข็น หน้าเครื่อง ได้รถเข็น เราก็ พาลูกไปเปลี่ยนแพมเพิส พร้อมแล้วเราก็เดินไป ช่อง ตม. เป็นช่องที่อยู่ขวาสุด เข้าทั้งครอบครัว พอสแกนนิ้วมือถ่ายรูป มันให้อ๊อฟกับลูก ออกไปข้างนอกได้ เรียกคนมารับเราเข้าไปในห้อง เราก็งงเลย ก็ไม่เป็นไร เข้าไปตามที่เขาบอก พอเขาไป มันถาม มาทำไร มาเที่ยวพาลูกสามีมาเคาท์ดาวน์ เราก็คิดว่าจะจบ เหี้ยไร ปรินๆๆๆๆเอกสาร มาเพียบ ให้กูกรอก ว่าอนุญาติสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย ตอนนั่น เวลา ประมาณ 07:10 ได้ แล้ว ลูก กับผัว รออยู่หน้าประตู ข้างนอก รอมันมาเรียก สัมภาษณ์ 08:00 กว่าๆ ให้คุยแบบโทรสัพ มีคนไทยแปลอยู่ในสาย เราก็บอกตามความจริงทุกอย่าง มาถามย้อนกลับไปครั้งสุดท้ายที่มา เราก็บอกหมด ไปเที่ยว ไหนๆๆ ทำอะไร แต่ให้จำขนาดนั่นกูจำไม่ได้ บินครั้งสุดท้าย 4-5 ปีที่แล้ว ตอบเสร็จมันบอกกุให้ความเท็จ ให้เซ็นใบไม่อนุญาติเข้าประเทศ เหี้ยไร พอกูกดพิมแปลไทยเป็นเกาหลี ให้มันอ่านมัน no no no ไล่กุ อย่างเดียว ((ตอนนั่นเราไม่ โอเคสุด เพราะ ลูกเราบินมาหลายชั่วโมง ไม่ได้นอนดีๆ ไม่ได้กินข้าว ไม่ได้อาบน้ำ แล้วลูกต้องมานั่งรอกูอยู่ ข้างนอก )) แทนทีจะได้นั่งรถไฟ ไป โรงแรม หาข้าวกินกัน อาบน้ำ พักผ่อน และได้ไปเที่ยว นี้ อะไร !!! เอากูมาขังไว้ในห้อง คนเป็น 30-40 คน กุก็ไม่ยอม ถ้าไม่ให้กุเข้าประเทศมึง กุก็จะกลับบ้านพร้อมผัวกับลูก กุ ยังไงกุก็จะกลับด้วยกัน มึงบ้าป่าว ให้ลูกไปเที่ยวไม่มีแม่ ให้ผัวกูไปเที่ยวแบบไม่มีเมีย แล้ว พาสปอร์ตลูก ก็อยู่กับกุ เงินทั้งหมด อยู่กับกู สรุปมันไม่ให้กู เข้าประเทศ ให้เรารอในห้องนั่นพักใหญ่ มันบอกจะมีเจ้าหน้าที่สายการบินมารับ(เด็กฝึกงาน) ก็มารับ แล้วกูก็พิมแปลอธิบาย ว่าผัวกับลูกรอเราอยู่ข้างใน หน้าประตูนี้ ไปรับพวกเขาเดี๋ยวนี้ !!! ยังไงฉันก็จะกลับพร้อมลูกกับสามี มันก็ทำมึนๆ ไม่ฟัง กูก็โวยวายไม่ยอม ๆๆๆ มันก็พาเดินไป ตรงGate เครื่องบิน กุก็ยังไม่ยอม กดให้มันอ่านกูต้องการ เอาผัวกับลูกกลับด้วย ไม่กลับคนเดียว!! แล้วกุซื้อตั๋วการบินไทย ไปกลับไว้แล้ว ยังไง มึงต้องทำเรื่องให้ผัวกับลูกกุ เกินไปอธิบาย อีผญ ที่อยู่ หน้าเคสท์เตอร์ มันไม่ฟัง มันตะคอก ใส่กูก็ไม่ยอม ตะคอกใส่เหมือนกัน จนเด็ก ฝึกงาน มันเดินมาบอก นี้ไม่ใช่ผู้จัดการ เราก็ถามเลย คนไหน ผู้จัดการคุณ จนเจอ เราก็แปลให้อ่าน ฉันต้องการ เอาสามีและลูกของฉันกลับด้วยกัน ตอนนี้ลูกของฉันและสามีรออยู่ ข้างนอก เราก็วีดิโอคอล กับอ๊อฟ ให้เขาดูว่าอ๊อฟอยู่ตรงไหน จนดีหน่อย ผู้จัดการสายการบินคนนี้มันรับฟังเรา และเป็นคนเดียว ที่รับฟังเรา ช่วยประสานงานให้เรา ได้เจอกับลูกและผัว พอคุยรู่เรื่อง มันบอกให้อ๊อฟกับลูก 14:30 ให้ไปเช็คอินที่ H35 ตอนนี้ มันนำตัวเราไปที่ห้องชั้นใต้ดิน พาสปอร์ตยึดไว้ ไม่ให้คืน จะไปซื้อที่ชาจแบตก็ไม่ได้ ต้องใช้ตั๋วกับพาส ( ในใจกู งงมากที่ไม่ให้กูเข้าไปเที่ยว เพราะกูมาเที่ยวจริงๆ และลูกกูแค่ 1 ขวบ มึงแยก กูกับลูก และที่สำคัญ อ๊อฟไม่มีเงิน เลยที่ตัว บัตรรูดก็อยู่ที่กูหมด แล้วลูกกูไม่ได้กินข้าว ไม่ได้นอน ไม่ได้อาบน้ำ ต้องนอนในรถเข็นทั้งๆ ที่บินมาหลายชั่วโมง ) ทำกับกูเหมือนกับนักโทษ เหมือนกูทำอะไรผิด ควบคุมตัวทุกอย่าง ใจร้ายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในห้องนั่นมี 30คนได้ แยกชายหญิง มันให้เราถือใบเอ4 ใบนึงคือหน้าพาสปอร์ตถ่ายเอกสาร มันให้เอาไปแลกข้าวกิน ซึ้งเราวินาทีนั่น กินอะไรไม่ลง เราก็ไม่เอา มันก็เดินมาตะคอก ใส่ ให้เอาไปแลกข้าว กุก็ตะคอกกลับ ไม่กิน พอไม่กิน ก็มีคนมากวาด ทิ้งไป แล้วมีพี่ๆ ที่อยู่ในนั่นแนะนำ ให้เขียนใบอุทธรณ์ เราก็เขียนไป ตามความจริง เอาใบไปส่ง ก็งง ไม่รู้มันจะอ่านหรือเอาไปทำอะไร เพราะไฟท์บินกลับ ได้กลับ 17:30 จนเดินเข้ามาถามคนที่ให้เขียน เขาบอกว่า จะรู้ผลพรุ่งนี้เช้า ???? คืออะไร จนถึงเวลา 14:30 สามีและลูกเรา ไปเช็คอินที่้เคาท์เตอร์ ปรากฏอ๊อฟโทรมา บอกเช็คอินไม่ได้ เพราะเมคัดค้านการกลับประเทศไทยวันนี้ !! กูก็งงอีก อะไร กูได้ไฟท์บินแล้ว ผู้จัดการคุยให้แล้วนี้ เราก็ไม่ยอม เดินไปหน้าห้อง กดแปลภาษาให้เจ้าหน้าที่อ่าน มัน ไม่สนใจดู และตะคอกใส่ว่าNo No no ไอ้เหี้ยอ้วน!! เราก็ไม่ฟังมัน เดินออกไปเลย ไปหน้าห้องหัวหน้ามัน กูก็กดแปล บอกทำไมลูกกับผัวกู เช็คอินไม่ได้ มันก็ถามคุณต้องการกลับประเทศ ไทยใช่ไหม กูบอกใช่!! และแปลให้มันอ่าน พร้อมลูกและสามี! เท่านั่น หัวหน้ามันก็ok ให้ใบถอนคำอุทธรณ์กูมาเซ็น แล้วระหว่างนั่น เราก็วีดิโอคอล คุยกับอ๊อฟ ตลอด อ๊ิอฟบอกอีเคาท์เตอร์ฟังอ๊อฟ ไม่ฟัง ไม่คุย เหี้ยไรทั้งนั่น กูก็เลยบอก ให้ ยูท๊อกกิ้งกังเคาท์เตอร์ ให้ฉันและสามีเลย พออีเคาท์เตอร์ มันได้ยินเสียงไอ้หัวหน้านี้ มันรีบคุยทันที (คิดดู ถ้าแบตโทรสัพหมด ไม่ไปขอเขาชาจ ทีละนิดละหน่อย กุกับผัวและลูกจะทำยังไง) ฝั่งอ๊อฟ ดำเนินการเสร็จ มาที่ฟังเรา เราต้องนั่นนอในห้องนั่น กับคน 30-40 คน แยกชาย1 ห้องหญิง1 ห้อง รอจน 16:00 หัวหน้าการบิน มารับ เขาก็ให้บอกสามีและลูก ไปเจอกันที่ Gate33 กุรีบวิ่งสุดๆ คิดถึงลูกกับอ๊อฟมาก เราพาลูกมาเจออะไร เราตั้งใจมาเที่ยว พาลูกมาเล่นหิมะ มาเคาท์ดาวน์ ให้เป็นความทรงจำที่ดี พอได้เจอกัน นั่งรอขึ้นเครื่อง เชื่อมั้ยพาสปอร์ตก็ไม่ได้คืน ควบคุมตัวกู เหมือนนักโทษ จนขึ่นเครื่อง ตอนนี้เอาลูกมาอยู่ด้วยแล้ว เจอกับอ๊อฟแล้ว ขึ้นเครื่องเราโดนนั่งหลังสุด ที่แคบ ไม่สามารถเลือกอะไรได้ จนมาถึงประเทศไทย เขาก็ให้เราออกคนสุดท้าย ควบคุมตัวเราลงอีกทาง ขึ้นรถตู้ ไปทำประวัติเข้าประเทศ ชั้นใต้ดิน และพาเดินวน มาทางออก รับกระเป๋า กลับบ้าน (( ตอนนั้นที่มันไม่ให้เขาประเทศ เราคุยเจรจา กับสายการบินด้วย ว่าจะจ่ายไปเที่ยวญี่ปุ่นแทน ไม่กลับไทย เพราะในใจเราคิดคือลูกเรานั่งเครื่องมา หลายชั่วโมงแล้ว นั่งไปอีก 2ชั่วโมง50 นาทีก็ไปถึงญี่ปุ่น เราพร้อมจ่าย เท่าไหร่ มันบอกไม่ได้ ต้องกลับไทยเท่านั่น)) *** #บอกตรงๆเสียความรู้สึกหนักอกจุกอกโกรธแค้นสุดๆกับประเทศเกาหลี #ไปหลายครั้งผ่านตลอดครั้งนี้ไปกับลูกเล็กไม่ให้ผ่านและครอบครัวเราต้องมาเจออะไรแบบนี้เลวร้ายมาก #ไม่สามารถให้อภัยได้ #แบนเกาหลี ตลอดชีวิตจนตาย #ต่อไปนี้สินค้าอะไรที่มาจากเกาหลีเลิกซื้อ #คนเกาหลีเข้ามาที่นี้ไม่สนใจและไม่ให้ค่า #อาหารเกาหลีที่ว่าดีเลิกกินและบริโภค #ศิลปินที่ชื่นชอบหนังและซีรีย์เลิกเสพ #สินค้าเด็กและที่เคยซื้อใช้ทั้งบ้านเลิกซื้อ ทำกับเราครั้งนี้ เราไม่โอเคสุดๆ ทำร้ายจิตใจและความตั้งใจเรามากที่สุด เรายังถามกับตัวเองว่า เรื่องอะไรที่ต้องมาอยู่จุดๆนี้ กูทำผิดอะไร กูแค่จะพาลูกกุ1 ขวบไปสร้างประสบการณ์ดีๆ ความทรงจำดีๆ และยอมเสียเงินแพงกว่าปกติด้วย #เสียงร้องของลูกที่มันร้องหาแล้วแค่เดินผลักประตู้ออกไปแล้วก็ได้กอดกับลูกแล้วอะ Date:มกราคม 02, 2567 Genres:ตั้งใจพาลูกไปเล่นหิมะ กับเคาท์ดาวน์ที่เกาหลี ! #แบนเกาหลี (ลูกเราพึ่ง1ขวบ2เดือน) จองต… Tags KDM ตั้งใจพาลูกไปเล่นหิมะ กับเคาท์ดาวน์ที่เกาหลี ! #แบนเกาหลี (ลูกเราพึ่ง1ขวบ2เดือน) จองตั๋วบินไป 6หมื่นกว่า( การบินไทย ) ไปกลับ จองโรงแรมไป 2หมื่นกว่า (L7 Hongdae) 3 คืน ไปหาซื้อเสื้อผ้ากันหิมะ อีก 4-5 หมื่น ตั้งใจไปเที่ยวสุดๆ ก่อนไป ลง Keta เรียบร้อย อนุมัติก่อน 24 ชั่วโมงอีก เราก็มั่นใจเลย ผ่านแน่ และที่ตั้งใจไปเกาหลี เพราะเราเคยบินเข้าออก10 รอบได้ วันก่อนบิน ให้ลูกนอน และตื่นมา6 โมง ไปสนามบิน ทำตามที่เราคิดไว้ ไปเช็คอินขอที่นั่งที่กว้างเพราะเรามีเด็ก เช็คอินเข้าไปข้างใน พยายามให้ลูกเล่น ไม่ให้นอน ไม่มีข้าวให้ลูกนั่งกิน ก็พาลูกไปกิน subway แทน เครื่องเราบิน 23:10 เราก็รอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย เพราะขึ้นเครื่องปุ๊บลูกจะได้กินนม ตอนเครื่องแลนขึ้น ลูกจะได้ไม่หูอื้อ และพกขนมไปให้ลูก สรุปลูกกินขนมทั้งทาง ไม่หลับ เพราะตื่นเต้นสุดๆ พึ่งจะมาหลับได้ ก่อนเครื่องลง แค่2-3 ชั่วโมง พอเครื่องแลนลง เราก็ยืนรอรถเข็น หน้าเครื่อง ได้รถเข็น เราก็ พาลูกไปเปลี่ยนแพมเพิส พร้อมแล้วเราก็เดินไป ช่อง ตม. เป็นช่องที่อยู่ขวาสุด เข้าทั้งครอบครัว พอสแกนนิ้วมือถ่ายรูป มันให้อ๊อฟกับลูก ออกไปข้างนอกได้ เรียกคนมารับเราเข้าไปในห้อง เราก็งงเลย ก็ไม่เป็นไร เข้าไปตามที่เขาบอก พอเขาไป มันถาม มาทำไร มาเที่ยวพาลูกสามีมาเคาท์ดาวน์ เราก็คิดว่าจะจบ เหี้ยไร ปรินๆๆๆๆเอกสาร มาเพียบ ให้กูกรอก ว่าอนุญาติสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย ตอนนั่น เวลา ประมาณ 07:10 ได้ แล้ว ลูก กับผัว รออยู่หน้าประตู ข้างนอก รอมันมาเรียก สัมภาษณ์ 08:00 กว่าๆ ให้คุยแบบโทรสัพ มีคนไทยแปลอยู่ในสาย เราก็บอกตามความจริงทุกอย่าง มาถามย้อนกลับไปครั้งสุดท้ายที่มา เราก็บอกหมด ไปเที่ยว ไหนๆๆ ทำอะไร แต่ให้จำขนาดนั่นกูจำไม่ได้ บินครั้งสุดท้าย 4-5 ปีที่แล้ว ตอบเสร็จมันบอกกุให้ความเท็จ ให้เซ็นใบไม่อนุญาติเข้าประเทศ เหี้ยไร พอกูกดพิมแปลไทยเป็นเกาหลี ให้มันอ่านมัน no no no ไล่กุ อย่างเดียว ((ตอนนั่นเราไม่ โอเคสุด เพราะ ลูกเราบินมาหลายชั่วโมง ไม่ได้นอนดีๆ ไม่ได้กินข้าว ไม่ได้อาบน้ำ แล้วลูกต้องมานั่งรอกูอยู่ ข้างนอก )) แทนทีจะได้นั่งรถไฟ ไป โรงแรม หาข้าวกินกัน อาบน้ำ พักผ่อน และได้ไปเที่ยว นี้ อะไร !!! เอากูมาขังไว้ในห้อง คนเป็น 30-40 คน กุก็ไม่ยอม ถ้าไม่ให้กุเข้าประเทศมึง กุก็จะกลับบ้านพร้อมผัวกับลูก กุ ยังไงกุก็จะกลับด้วยกัน มึงบ้าป่าว ให้ลูกไปเที่ยวไม่มีแม่ ให้ผัวกูไปเที่ยวแบบไม่มีเมีย แล้ว พาสปอร์ตลูก ก็อยู่กับกุ เงินทั้งหมด อยู่กับกู สรุปมันไม่ให้กู เข้าประเทศ ให้เรารอในห้องนั่นพักใหญ่ มันบอกจะมีเจ้าหน้าที่สายการบินมารับ(เด็กฝึกงาน) ก็มารับ แล้วกูก็พิมแปลอธิบาย ว่าผัวกับลูกรอเราอยู่ข้างใน หน้าประตูนี้ ไปรับพวกเขาเดี๋ยวนี้ !!! ยังไงฉันก็จะกลับพร้อมลูกกับสามี มันก็ทำมึนๆ ไม่ฟัง กูก็โวยวายไม่ยอม ๆๆๆ มันก็พาเดินไป ตรงGate เครื่องบิน กุก็ยังไม่ยอม กดให้มันอ่านกูต้องการ เอาผัวกับลูกกลับด้วย ไม่กลับคนเดียว!! แล้วกุซื้อตั๋วการบินไทย ไปกลับไว้แล้ว ยังไง มึงต้องทำเรื่องให้ผัวกับลูกกุ เกินไปอธิบาย อีผญ ที่อยู่ หน้าเคสท์เตอร์ มันไม่ฟัง มันตะคอก ใส่กูก็ไม่ยอม ตะคอกใส่เหมือนกัน จนเด็ก ฝึกงาน มันเดินมาบอก นี้ไม่ใช่ผู้จัดการ เราก็ถามเลย คนไหน ผู้จัดการคุณ จนเจอ เราก็แปลให้อ่าน ฉันต้องการ เอาสามีและลูกของฉันกลับด้วยกัน ตอนนี้ลูกของฉันและสามีรออยู่ ข้างนอก เราก็วีดิโอคอล กับอ๊อฟ ให้เขาดูว่าอ๊อฟอยู่ตรงไหน จนดีหน่อย ผู้จัดการสายการบินคนนี้มันรับฟังเรา และเป็นคนเดียว ที่รับฟังเรา ช่วยประสานงานให้เรา ได้เจอกับลูกและผัว พอคุยรู่เรื่อง มันบอกให้อ๊อฟกับลูก 14:30 ให้ไปเช็คอินที่ H35 ตอนนี้ มันนำตัวเราไปที่ห้องชั้นใต้ดิน พาสปอร์ตยึดไว้ ไม่ให้คืน จะไปซื้อที่ชาจแบตก็ไม่ได้ ต้องใช้ตั๋วกับพาส ( ในใจกู งงมากที่ไม่ให้กูเข้าไปเที่ยว เพราะกูมาเที่ยวจริงๆ และลูกกูแค่ 1 ขวบ มึงแยก กูกับลูก และที่สำคัญ อ๊อฟไม่มีเงิน เลยที่ตัว บัตรรูดก็อยู่ที่กูหมด แล้วลูกกูไม่ได้กินข้าว ไม่ได้นอน ไม่ได้อาบน้ำ ต้องนอนในรถเข็นทั้งๆ ที่บินมาหลายชั่วโมง ) ทำกับกูเหมือนกับนักโทษ เหมือนกูทำอะไรผิด ควบคุมตัวทุกอย่าง ใจร้ายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในห้องนั่นมี 30คนได้ แยกชายหญิง มันให้เราถือใบเอ4 ใบนึงคือหน้าพาสปอร์ตถ่ายเอกสาร มันให้เอาไปแลกข้าวกิน ซึ้งเราวินาทีนั่น กินอะไรไม่ลง เราก็ไม่เอา มันก็เดินมาตะคอก ใส่ ให้เอาไปแลกข้าว กุก็ตะคอกกลับ ไม่กิน พอไม่กิน ก็มีคนมากวาด ทิ้งไป แล้วมีพี่ๆ ที่อยู่ในนั่นแนะนำ ให้เขียนใบอุทธรณ์ เราก็เขียนไป ตามความจริง เอาใบไปส่ง ก็งง ไม่รู้มันจะอ่านหรือเอาไปทำอะไร เพราะไฟท์บินกลับ ได้กลับ 17:30 จนเดินเข้ามาถามคนที่ให้เขียน เขาบอกว่า จะรู้ผลพรุ่งนี้เช้า ???? คืออะไร จนถึงเวลา 14:30 สามีและลูกเรา ไปเช็คอินที่้เคาท์เตอร์ ปรากฏอ๊อฟโทรมา บอกเช็คอินไม่ได้ เพราะเมคัดค้านการกลับประเทศไทยวันนี้ !! กูก็งงอีก อะไร กูได้ไฟท์บินแล้ว ผู้จัดการคุยให้แล้วนี้ เราก็ไม่ยอม เดินไปหน้าห้อง กดแปลภาษาให้เจ้าหน้าที่อ่าน มัน ไม่สนใจดู และตะคอกใส่ว่าNo No no ไอ้เหี้ยอ้วน!! เราก็ไม่ฟังมัน เดินออกไปเลย ไปหน้าห้องหัวหน้ามัน กูก็กดแปล บอกทำไมลูกกับผัวกู เช็คอินไม่ได้ มันก็ถามคุณต้องการกลับประเทศ ไทยใช่ไหม กูบอกใช่!! และแปลให้มันอ่าน พร้อมลูกและสามี! เท่านั่น หัวหน้ามันก็ok ให้ใบถอนคำอุทธรณ์กูมาเซ็น แล้วระหว่างนั่น เราก็วีดิโอคอล คุยกับอ๊อฟ ตลอด อ๊ิอฟบอกอีเคาท์เตอร์ฟังอ๊อฟ ไม่ฟัง ไม่คุย เหี้ยไรทั้งนั่น กูก็เลยบอก ให้ ยูท๊อกกิ้งกังเคาท์เตอร์ ให้ฉันและสามีเลย พออีเคาท์เตอร์ มันได้ยินเสียงไอ้หัวหน้านี้ มันรีบคุยทันที (คิดดู ถ้าแบตโทรสัพหมด ไม่ไปขอเขาชาจ ทีละนิดละหน่อย กุกับผัวและลูกจะทำยังไง) ฝั่งอ๊อฟ ดำเนินการเสร็จ มาที่ฟังเรา เราต้องนั่นนอในห้องนั่น กับคน 30-40 คน แยกชาย1 ห้องหญิง1 ห้อง รอจน 16:00 หัวหน้าการบิน มารับ เขาก็ให้บอกสามีและลูก ไปเจอกันที่ Gate33 กุรีบวิ่งสุดๆ คิดถึงลูกกับอ๊อฟมาก เราพาลูกมาเจออะไร เราตั้งใจมาเที่ยว พาลูกมาเล่นหิมะ มาเคาท์ดาวน์ ให้เป็นความทรงจำที่ดี พอได้เจอกัน นั่งรอขึ้นเครื่อง เชื่อมั้ยพาสปอร์ตก็ไม่ได้คืน ควบคุมตัวกู เหมือนนักโทษ จนขึ่นเครื่อง ตอนนี้เอาลูกมาอยู่ด้วยแล้ว เจอกับอ๊อฟแล้ว ขึ้นเครื่องเราโดนนั่งหลังสุด ที่แคบ ไม่สามารถเลือกอะไรได้ จนมาถึงประเทศไทย เขาก็ให้เราออกคนสุดท้าย ควบคุมตัวเราลงอีกทาง ขึ้นรถตู้ ไปทำประวัติเข้าประเทศ ชั้นใต้ดิน และพาเดินวน มาทางออก รับกระเป๋า กลับบ้าน (( ตอนนั้นที่มันไม่ให้เขาประเทศ เราคุยเจรจา กับสายการบินด้วย ว่าจะจ่ายไปเที่ยวญี่ปุ่นแทน ไม่กลับไทย เพราะในใจเราคิดคือลูกเรานั่งเครื่องมา หลายชั่วโมงแล้ว นั่งไปอีก 2ชั่วโมง50 นาทีก็ไปถึงญี่ปุ่น เราพร้อมจ่าย เท่าไหร่ มันบอกไม่ได้ ต้องกลับไทยเท่านั่น)) *** #บอกตรงๆเสียความรู้สึกหนักอกจุกอกโกรธแค้นสุดๆกับประเทศเกาหลี #ไปหลายครั้งผ่านตลอดครั้งนี้ไปกับลูกเล็กไม่ให้ผ่านและครอบครัวเราต้องมาเจออะไรแบบนี้เลวร้ายมาก #ไม่สามารถให้อภัยได้ #แบนเกาหลี ตลอดชีวิตจนตาย #ต่อไปนี้สินค้าอะไรที่มาจากเกาหลีเลิกซื้อ #คนเกาหลีเข้ามาที่นี้ไม่สนใจและไม่ให้ค่า #อาหารเกาหลีที่ว่าดีเลิกกินและบริโภค #ศิลปินที่ชื่นชอบหนังและซีรีย์เลิกเสพ #สินค้าเด็กและที่เคยซื้อใช้ทั้งบ้านเลิกซื้อ ทำกับเราครั้งนี้ เราไม่โอเคสุดๆ ทำร้ายจิตใจและความตั้งใจเรามากที่สุด เรายังถามกับตัวเองว่า เรื่องอะไรที่ต้องมาอยู่จุดๆนี้ กูทำผิดอะไร กูแค่จะพาลูกกุ1 ขวบไปสร้างประสบการณ์ดีๆ ความทรงจำดีๆ และยอมเสียเงินแพงกว่าปกติด้วย #เสียงร้องของลูกที่มันร้องหาแล้วแค่เดินผลักประตู้ออกไปแล้วก็ได้กอดกับลูกแล้วอะ